คุณกำลังมองหาอะไร?

รุปบทเรียนรู้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “การบริหารการเงิน และการจัดการหนี้"

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

20.02.2552
47
0
แชร์
20
กุมภาพันธ์
2552

สรุปบทเรียนรู้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “การบริหารการเงิน และการจัดการหนี้"

เริ่มต้นของความพอเพียงกับบ้านพอเพียงซึ่งแสดงเป็นรูปภาพที่มีองค์ประกอบภายในดังนี้  เสาต้นที่  1  ความพอประมาณ  (หมายถึง ไม่มากไป  ไม่น้อยไป) เสาต้นที่  2  ความมีเหตุมีผล เสาต้นที่  3  การมีภูมิคุ้มกันที่ดี ( มีการป้องกันความเสี่ยง) โดยมีพื้นฐานของบ้านเป็น 2 ชั้น  ชั้นที่ 1  เป็นความรู้  (รอบรู้   รอบคอบระมัดระวัง)  ชั้นที่ 2  เป็นคุณธรรม  (ซื่อสัตย์  อดทน  ความเพียร  สติปัญญา  ประหยัด)  การพัฒนาจะมีบันได  3  ขั้น  ซึ่งสามารถผสมผสานเข้ากับหลักการ  “CIO" (Cost Income - Opportunity) ได้อย่างเหมาะสม คือ  ขั้นที่ 1 พัฒนาให้เข้มแข็ง ขั้นที่ 2 พึ่งกันและกัน ขั้นที่ 3 พึ่งตนเอง
สรุปบทเรียนรู้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “การบริหารการเงิน และการจัดการหนี้วันที่  29 มกราคม 2551ณ  อาคารสัมมนา  ศูนย์พัฒนาอนามัยพื้นที่สูง     การประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เริ่มจาก ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาอนามัยพื้นที่สูง ประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน   และมีการบรรยายเรื่อง “กลยุทธ์ในการบริหารจัดการเงิน  และการลงบัญชีรายรับ รายจ่าย"  โดย  นายอาจหาญ  จันทร์ใส  หัวหน้าหน่วยอำเภอห้างฉัตร  จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร “เศรษฐกิจพอเพียง"  เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมี พระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทย มาโดยตลอดนานเกือบ  30  ปี  ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ  และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์ และความเปลี่ยนแปลงต่าง  ๆ  เศรษฐกิจพอเพียง  เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว  ชุมชนจนถึงระดับรัฐ  ทั้งในการพัฒนา และบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง  โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์  “ความพอเพียง"  หมายถึง  ความพอประมาณ  ความมีเหตุผลรวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด  ๆอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน  ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้  ความรอบคอบและความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่าง ๆ  มาใช้ในการวางแผนการดำเนินการและขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ  ซึ่งเราสามารถหลักเศรษฐกิจพอเพียงในใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ทุกระดับ  เพื่อลดความเสี่ยงทางด้านการเงิน   นอกจากนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรมีส่วนช่วยให้ชุมชนเข้มแข็งโดยปลูกฝังให้เกษตรกร  ในเรื่องสัจจธรรมชีวิต  ลดละเลิกอบายมุขต่างๆ  เพื่อลดค่าใช้จ่าย  และมีความซื่อสัตย์สุจริต  มีความรอบรู้ที่เหมาะสม  ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน  ความเพียร  มีสติปัญญา  และความรอบคอบ  เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  และกว้างขวางทางด้านวัตถุ  สังคม  สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี  ทำการเพิ่มรายได้ของตนเองโดยให้คำแนะนำเรื่องการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ การทำน้ำยาล้างจาน  น้ำยาซักผ้า  น้ำยาปรับผ้านุ่ม  และยาสระผมเป็นต้น เริ่มต้นของความพอเพียงกับบ้านพอเพียงซึ่งแสดงเป็นรูปภาพที่มีองค์ประกอบภายในดังนี้ เสาต้นที่  1  ความพอประมาณ  (หมายถึง ไม่มากไป  ไม่น้อยไป)เสาต้นที่  2  ความมีเหตุมีผลเสาต้นที่  3  การมีภูมิคุ้มกันที่ดี ( มีการป้องกันความเสี่ยง) โดยมีพื้นฐานของบ้านเป็น 2 ชั้น ชั้นที่ 1  เป็นความรู้  (รอบรู้   รอบคอบระมัดระวัง) ชั้นที่ 2  เป็นคุณธรรม  (ซื่อสัตย์  อดทน  ความเพียร  สติปัญญา  ประหยัด) การพัฒนาจะมีบันได  3  ขั้น  ซึ่งสามารถผสมผสานเข้ากับหลักการ  “CIO" (Cost Income - Opportunity) ได้อย่างเหมาะสม คือ ขั้นที่ 1 พัฒนาให้เข้มแข็งขั้นที่ 2 พึ่งกันและกันขั้นที่ 3 พึ่งตนเองนายกมล  มัทการ  ตำแหน่งพนักงานพัฒนาธุรกิจ 7 จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้มาให้คำแนะนำวิธีการลงสมุดบัญชีครัวเรือน รายรับ-รายจ่าย   ซึ่งในที่ประชุมให้ความสนใจ   มีการเสนอความคิดเห็นและซักถามเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์       ส่วนการบรรยายเรื่อง “โครงการเกษียณเพิ่มสุข เงินออมสำหรับคนวัยเกษียณ  และเงินออมลูกรัก"  โดย  นางยุพิน  แก้วชัย  ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการสาขาห้างฉัตร   ที่แนะนำโครงการของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรทั้ง 2 โครงการ   และคุณสมบัติของผู้ฝาก  วงเงินในการฝากเงินออม อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก   และเกณฑ์ต่าง ๆในการฝากเงิน  ประเด็นสุดท้ายเรื่อง  “การออมทรัพย์อย่างพอเพียง  เพื่อชีวิตที่เพียงพอ"  โดย  นายประดิษย์  คำฟู   ตำแหน่งผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  ที่ได้มาให้คำแนะนำถึงประโยชน์ของการออมเงิน ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  โดยมีองค์ประกอบคือวินัยชีวิตทางการเงิน ปรับความคิด พิชิตความจน วางแผนชีวิต (ครัวเรือน) การทำบัญชีรับจ่ายครัวเรือน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สะสมเงินออม ขยายโอกาส แนวทางสู่ “การบริหารการเงินที่ดี"    ได้แก่การหาเงิน รู้จักการวางแผนการเงินที่สมดุล - มีเงิน / มีเวลา /มีแรง- ใช้เงินทำงาน- ไม่เสี่ยงรวยทางลัด “การวางแผนการเงินที่สมดุล คือ การที่คุณรู้จักวางแผนในเรื่องการเงินของตัวคุณและครอบครัวอย่างเหมาะสมทั้งรายได้ รายจ่าย   การออม  การลงทุน ภาษี หนี้สิน  และการป้องกัน ความเสี่ยงต่างๆ ด้วย"   ประกอบด้วย วางแผนกำหนดเป้าหมายทางการเงิน  ทั้งเป้าหมายระยะสั้น/ระยะยาว  วัตถุประสงค์เพื่อ1. เพื่อใช้จ่าย2. เพื่อเหตุฉุกเฉิน3. เพื่อความมั่นคงวางแผนการใช้จ่ายเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต- สำรวจรายได้เพื่อนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ - กำหนดเป้าหมายการใช้จ่ายอย่างมีคุณภาพ- บันทึกการใช้จ่ายทุกวัน- มีวินัยและปรับให้เหมาะสม การออมเงินแบบลบ 10  เพิ่ม 10 - ออมแบบลบ 10 คือ หักจากรายได้เป็นเงินออม 10 % เป็นประจำทุกเดือน- ออมแบบเพิ่ม 10 คือ ก่อนใช้จ่าย ต้องแยกเป็นเงินออม 10 % ของเงินที่จะใช้จ่ายควรออมเงินไว้เผื่อฉุกเฉินเท่าไร ?- จำนวนขั้นต่ำ คือ 6 เท่าของรายจ่ายประจำเดือน - ควรออมในสภาพคล่องสูง  เช่น ฝากธนาคาร  ซื้อทองคำ- อาจซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิต/ประกันสุขภาพ การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี- การลงทุนซื้อประกันชีวิต - การฝากธนาคารบัญชีที่ยกเว้นภาษี- การลงทุนในกองทุนรวม LTF หรือ RMF เงินสะสมเพื่อเกษียณอายุ    มีวิธีคำนวณสินทรัพย์ภายหลังเกษียณอายุ    (สินทรัพย์ที่ปลอดหนี้สิน) คืออายุ  x  รายรับที่ได้ทั้งปี หารด้วย  10   

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน